peace-2colors-homepage

คนประสบความสำเร็จเชื่อว่าเค้าต้อง"ช่วยเหลือ"คนอื่นเพื่อเติบโต คนที่ล้มเหลวเชื่อว่าเค้าต้อง"กีดกัน"คนอื่นเพื่อเติบโต

work with..



Why I Do What I Do




"To inspire others by challenging the legacy ways of working, to create proofs purposefully, so that people can enjoy working life’s fulfillment."

"เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน ด้วยการท้าทายความเชื่อสามัญของการทำงานแบบเดิมๆ ทั้งสร้างหลักฐานว่า บริษัทเติบโตได้นั้น มาจากการที่พนักงานได้เติมเต็มความหมายของชีวิตการทำงาน"






7 Rules Of Success




These 7 Rules Of Success cannot be broken and cannot avoid if you want to be stably successful


1) Rich people believe in 'in-and-out' cashflow. Poor people believe in 'in-or-out' cashflow

Rich people believe that getting rich should be considered more on their cashflows (in-and-out) instead of their assets (in-or-out), since it is about cashflow, the rich will donate a portion of whatever they have to society including investing to keep the cash flowing from one to another. It is not like they do not focus the money in the bank, but they know that the unit of the money in the bank is not the unit of currency (like 'USD'). Instead the unit is "the number months" of what remaining to saving from cashflow of income and expense.

2) Rich people believe in Pie model to scale it up. Poor people believe in Pyramid model to climb it up

From Many crisis; Greek crisis to Crypto currency, one thing happens in common which is when one died others are dropped. On poor people assumption that the world is finite, so they consider the game as finite game (limited and countable players, timing rules, profits, money etc.), hence they apply 'Zero sum game' methodology. the quote of "We are the best of the industry" doesn't really help them grow since the industry pie is not impacted.

3) Rich people Focus, poor people Scatter in actions, listening or their thoughts

Rich people don't spend their time and energy into things that doesn't impact to their success including playing social, reading criticism and spending time reading to people having none impact to them, It doesn't mean that they care nothing, they do, it just cannot penetrate to their mind which impact to their emotion which leads to their actions which control their results. Poor people on the other hands, they read criticism and they are obsessed with it so much to reply the comments follow persons they don't like in order to observe their reaction which are time and energy consuming. And I agree the quote from Dave Ramsey, "Poor people buy things they don't need, with money they don't have, to impress people they don't like".

4) Rich people believe the world is not fair, so the success is only upto them. Poor people believe that the world is fair, so they blaim others for being unsuccessful

The quotation "all men are created equal" is part of the U.S. Declaration of Independence. But there is no part talking about fairness, rich people understand it well, they know that they are the ones who control their own destiny. Since everyone is equal, none is obligated to assist others without their will or volunteer. Poor people don't understand it, they claim their right that helping them is the obligation to the rich people or government and let the their fate is controled or ruled by rich people and goverment. And when things go wrong, they are willing to blaim to others, complain to others and have a ton of excuse to themselves of not being successful.

5) Rich people believe in habits and continuity of small actions. Poor people believe in one big action and put all in that basket.

Getting rich is risky, of course if it is not risky everyone would be rich. Rich people understand it well, instead of big action which could lead to immediate failure, they are willing to plan step-by-step and start with little things that they can achieve right away. Poor people don't understand it, they think that rich people get rich just from pure luck, so they think if they jump into the right horse, the right vehicle, they will get rich. Sadly that will never happen. They will either fail big or keep waiting from "too young to start" to be "too old to start".

6) Rich people believe happiness is happened along the way. Poor people believe happiness is happened only at destinations

Getting rich is tough and the most difficult part of being successful is not the getting success part, but maintaining it. Most of successful people are the future base, and that is understandable, the problem when your happiness is on the future, you will always think when you achieve somethings then you will be happy. There is nothing wrong with it, but eventually you will be stop on what you are doing, or you will be regret on what you have accomplished. So start with what you love, going with your passion, what you can stick with it very long, these are much more comfortable way to get both rich and happy life. Only that you can call yourself a successful man.

7) Rich people believe in teamwork and leverage. Poor people believe in independency and one-man-show.

Money is the result of actions, actions are the result of your mind. When you want to get rich, that means you need to have a lot of money, the question is "how those money came from?". The bottom line is, some how in some ways, some people are giving you money from helping them by solving their problems in return. In order to help a lot of people, you need leverage, your team, you cannot do it alone. You have one limitation which even God cannot help you which is your time in a day. So, if you want to get rich, you cannot be the smartest guy in the room, your team must be, and you need to know how to work with them as a team and on leverage power.

กฏ 7 ข้อนี้ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย หากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ อย่างมั่งคั่ง และมั่นคง


1) คนประสบความสำเร็จ เชื่อใน"การหมุนเวียน"ของกระแสเงิน คนล้มเหลวเชื่อใน"การเก็บออม"

คนประสบความสำเร็จเชื่อในอิสรภาพทางการเงิน มากกว่า สินทรัพย์ นั้นหมายความว่า การที่มี Passive Income มากกว่าค่าใช้จ่ายใน Lifestyle ที่เค้าอยากได้ ซึ่งการอิสรภาพทางการเงินนั้นมันมีคุณค่ามากกว่า มีเงินกองในบัญชี และการที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น เค้าต้องสร้าง กระแสเงินสด ( cash flow ) คนประสบความสำเร็จจึงมักนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนเพื่อตัวเค้าเอง และบริจาคเงินเพื่อคนอื่น (ย้ำว่า "และ") ให้เงินหมุนเวียนเสมอๆ และนั่นไม่ใช่ว่าเค้าไม่ได้สนใจเงินที่อยู่ในบัญชี แต่เพราะเค้ารู้ว่า หน่วยการเงินมันอยู่ในระบบการนับเงินแบบ "เดือน" มากกว่า ระบบการนับแบบเงินแบบ "บาท" นั่นคือ เค้าจะคำนวนว่าเงินเก็บที่มีอยู่นั้น เค้าใช้ได้กี่เดือนหมด ไม่ใช่ มีอยู่กี่บาทนั่นเอง

2) คนประสบความสำเร็จเชื่อว่าเค้าต้อง"ช่วยเหลือ"คนอื่นเพื่อเติบโต คนที่ล้มเหลวเชื่อว่าเค้าต้อง"กีดกัน"คนอื่นเพื่อเติบโต

นอกจาก Covid-19 แล้ว ไม่ว่าจะมีวิกฤตทางเศรษฐกิจอีกสักกี่ครั้ง มันก็ยากที่จะทำให้คนล้มเหลวเข้าใจว่า การที่เค้าจะเติบโตได้นั้น คนอื่นเองก็ควรเติบโตเช่นกัน ในทางกลับกัน เมื่อคนอื่นประสบปัญหา ไม่ช้าก็เร็วตัวเค้าเองก็ต้องประสบปัญหาเหมือนกัน เช่น วิกฤตของกรีซ เมื่อกรีซล้ม เยอรมันเองก็กระทบ และมันก็กระทบถึงไทย กรณีตัวอย่างของไทยเราเลยคือ ถ้าวันนี้หุ้น KBank ตก จะมีหรือ ที่นักลงทุนหุ้น SCB จะไม่คิดว่าหุ้น SCB เองก็อาจจะกระทบไปด้วย คนจนนั้นคิดว่า โลกนี้ทุกอย่างมีจำกัด การที่เค้าจะประสบความสำเร็จมันต้องมีคนล้มเหลว หรือ 'Zero sum game' ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่ และนั่นคนรวยทราบดี เค้าจึงช่วยเหลือคนอื่นให้เติบโตทั้งอุตสาหกรรมไม่ใช่เพียงหน่วยงานเดียว และนั่นจะทำให้เค้าเองเติบโต ข้อนี้เป็นปัญหาที่หนักหน่วงที่สุดของการทำให้ตัวคุณประสบความสำเร็จ เพราะเราหลายคนต่างถูกปลูกฝังเลี้ยงดูในสังคมแห่งการแข่งขัน แต่ในโลกแห่งความสำเร็จ วิธีคิดแบบนี้ไม่ทำให้คุณมั่งคั่งและมั่นคงได้ ถ้าหากคุณต้องการให้ประสบความสำเร็จทั้งมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน คุณต้อง"ช่วยเหลือ"คนอื่นให้เติบโตพร้อมทั้งตัวคุณเองก็เติบโตการจาก "ช่วยเหลือ" ของคุณ

3) คนประสบความสำเร็จนั้นโฟกัส ทั้ง "การกระทำ การฟัง และความคิด" ในขณะที่คนล้มเหลวนั้นไม่

คนประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช้เวลาและพลังงานไปกับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อตัวเค้า ตัวอย่างเช่น การเล่น Facebook หรือ การอ่านบทความวิจารณ์การกระทำของเค้าที่ก่อให้เกิดความคิดลบ และบทความวิจารณ์ของคนที่เค้าไม่ได้ชอบ เพราะมันไม่สามารถทำให้เค้ารู้สึกไขว้เขวได้ เค้าสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี และนั่นทำให้ผลลัพธ์จากการกระทำไม่ได้ ขึ้นๆลงๆ จากอารมณ์ ในขณะที่คนที่ล้มเหลวนั้นชอบใช้เวลาว่างกับ Facebook อ่านคำวิจารณ์แล้วก็เข้าไปตอบ จากลบก็ยิ่งลบไปอีก ชอบตามอ่านบทความของคนที่เค้าไม่ได้ชอบ เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง รวมไปถึงไม่สามารถอดกลั้น การใช้จ่าย คนล้มเหลวนั้นชอบซื้อสิ่งที่เค้าอยากได้ ด้วยเงินที่เค้ายังไม่มี (เช่นกู้ หรือ บัตรเครดิต) เพื่อไปโชว์คนที่เค้านั้นไม่ได้ชอบ.

4) คนประสบความสำเร็จเชื่อว่าโลกนี้ไม่ได้ยุติธรรม เค้าเลยลงมือทำเองเพราะเค้าจะไม่เอาชะตาของตัวเองไปฝากไว้กับคนอื่น คนล้มเหลวเชื่อว่าโลกนี้ยุติธรรม เพราะฉะนั้น เค้าเลยกล่าวอ้างและโทษคนอื่นที่เค้าไม่ประสบความสำเร็จ

เราทุกคนนั้นเสมอภาคครับ ต่างมีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน และไม่มีใครอยู่ยงคงกระพัน แต่แม้คนเรานั้นเสมอภาค แต่ก็ไม่ได้เท่าเทียม และไม่ยุติธรรม คนประสบความสำเร็จเข้าใจเรื่องนี้อย่างดี เค้าเลยคุมบังเหียนของชีวิตตัวเอง และเพราะทุกคนนั้นเสมอภาค การที่คนรวยจะช่วยหรือไม่ช่วยคนจนก็เป็นสิทธิของเค้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนล้มเหลวเข้าใจอะไรมากขึ้น เค้าอ้างสิทธิที่ไม่เท่าเทียม และโทษคนอื่นที่ไม่ช่วยเหลือเค้า หลายครั้งเชื่อคนง่ายเกินไปจนโดยหลอก และเอาชะตาชีวิตตัวเองไปฝากกับรัฐบาล เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เค้าวาดฝันก็โทษคนอื่น และนำสิ่งต่างๆมาอ้างในความล้มเหลวของตัวเอง

5) คนประสบความสำเร็จเชื่อใน ความสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย แต่คนล้มเหลวชอบทำอะไรสุ่มเสี่ยงและเอาทุกอย่างที่มีไปเสี่ยงกับมัน

การที่จะรวยนั้นมันก็ต้องเสี่ยงกันบ้างครับ ถ้ามันไม่เสี่ยงอะไรเลย ป่านนี้ทุกคนคงรวยไปแล้วใช่ไหมล่ะครับ นั่นจึงทำให้คนรวยมักจะพยายามบริหารความเสี่ยงให้เกิดน้อยที่สุดโดยการลอง ผิด/ถูก ในจุดที่เค้าสามารถรับความเสี่ยงได้ ขณะที่คนจนนั้นกลับไม่เข้าใจในสิ่งนี้เลย เค้าคิดว่าคนรวยรวยได้เพราะโชคลาภ ไม่ใช่ความสามารถ เค้าจึงคิดว่าถ้าเค้าได้กระโดดไปเจออาวุธที่ดี การงานที่ดี เค้าจะรวยบ้าง.. น่าเสียดายเพราะมันยากที่จะเกิด และแม้จะเกิด เค้าที่ไม่สามารถรักษาระดับความสำเร็จได้นั้น ก็จะล้มเหลวในที่สุด

6) คนที่ประสบความสำเร็จเชื่อว่า ความสุขเกิดขึ้น "ระหว่างทาง" ของการเดินทางสู่ความสำเร็จ แต่คนที่ล้มเหลวคิดว่า ความสุขเกิดขึ้นเพียง "บั้นปลาย" การเดินทางสู่ความสำเร็จเท่านั้น

จะรวยนั้นไม่ง่าย แต่รักษาระดับความร่ำรวยให้ได้นั้นยากกว่า คนที่ประสบความสำเร็จนั้นส่วนมากจะเป็น กลุ่มมองโลกอนาคต นั่นก็เข้าใจได้ แต่ว่านั่นก็ทำให้ความสุขของเค้าก็อยู่แค่ในอนาคต มันก็ไม่ได้แย่มาก แต่ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดมันจะทำให้ท้อ และหยุด เพราะไม่มีความสุขตลอดการเดินทาง เพราะฉะนั้น เริ่มทำจากสิ่งที่คุณรัก คุณชอบ และอยู่กับมันได้นาน ๆ และนี่แหละเป็นวิถีที่ดีกว่าในการร่ำรวย

7) คนประสบความสำเร็จเชื่อในการทำงานเป็นทีมและหลักการ “คานผ่อนแรง” คนที่ล้มเหลวเชื่อว่า เค้าควรทำงานคนเดียวและเป็น “one-man-show”

ส่วนมากเงินก็เป็นตัวกำหนดความมั่งคั่ง แต่เงินก็เป็นเพียงผลลัพธ์จากการทำงาน และการทำงานก็เป็นผลลัพธ์จากอารมณ์และวิธีคิดของคุณ แต่คำถามที่สำคัญกว่าคือ “เงิน” มันมาจากไหน? ไม่ว่าจะตอบยังไง เงินก็มาจาก “คน” เพราะคนเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่ใช้เงิน แล้วทำไมคนอื่นถึงให้เงินคุณละ? นั่นก็เพราะคุณได้ช่วยเค้าไง! อยากมีเงินเยอะก็ต้องช่วยเหลือคนให้เยอะๆนั้นเอง และเมื่อคุณต้องการหลักการคานผ่อนแรง ทีมงานของคุณก็ต้องช่วยเหลือคุณ เพราะไม่มีใครให้เวลาคุณใน 1 วันได้มากกว่านี้อีก เพราะงั้น คุณไม่ต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้อง แต่ทีมของคุณควรจะเป็น คุณต้องเรียนรู้วิธีการทำงานเป็นทีม มากกว่าการออกฉายเดี่ยวโชว์เทพ



OUR SERVICES


Business Consulting


ปูพื้นฐานทางธุรกิจให้ยั่งยืน

ด้วย Management Technology Framework

6P management model

และวิธีการ การใช้ Dynamic framework

หรือ OKRs ในฉบับง่ายและได้ผลทันตาเห็น




peace-2colors-homepage

Coaching by Enneagram


เสริมชีวิต ด้วยการเข้าใจตัวเอง

ตระหนักถึง ความปรารถนาเบื้องลึกของคุณ

รับรู้การเทรน ในแต่ละ Type

สาเหตุ ความเป็นมา ว่าทำไมคุณถึงเป็นคุณ

และการพัฒนาตนเองแบบเจาะจงในแต่ละคน






Class is coming...




There are 4 Types of Power in business world

1) Authority

2) Knowledge

3) Connection

4) Money

Authority takes years to get it, connection is after your title without your famous surname the only why to get a good connection is authority which all the end money is just a result. It means there is only one thing that can change your life immediately which is "knowledge"

ในโลกของธุรกิจนั้น คำว่า อำนาจ มันมีอยู่เพียง 4 ตัว นั้นคือ

1) ต่ำแหน่งหน้าที่

2) ความรู้

3) Connection

4) เงิน

ต่ำแหน่งหน้าที่นั้น ใช้เวลาครับ กว่าจะได้รับการโปรโมท Connection ในแง่ธุรกิจโดยส่วนมากถ้าไม่ใช่เพราะ นามสกุล หรือญาติ ของคุณ การที่จะมี Connection ที่ดีได้นั้นก็มาหลังจากการมีต่ำแหน่งหน้าที่ ที่ดีเสียก่อน และทั้งหมดนั้นทำให้คุณมั่งคั่ง นั้นคือ มีเพียงสิ่งเดียวที่คุณสามารถเพิ่มพูนมันนับแต่วันนี้ได้เลยนั้นคือ “ความรู้”